บทที่ 5 โรมันจิ : (Romanji)
โรมันจิ (romanji) : เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ใช้แทนการอ่านออกเสียงภาษาญี่ปุ่น โดยการศึกษาภาษาญี่ปุ่นในเว็บไซต์นี้ จะใช้อักษร romanji ควบคู่ไปกับฮิรางานะ
ตัวอักษรญี่ปุ่นค่อนข้างจะจำและเขียนยาก ดังนั้นจึงมีการนำภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาที่คนทั่วโลกถือว่าเป็นภาษาสากล มาเขียนเทียบเสียงกับภาษาญี่ปุ่น เพื่อที่จะได้พูดจากับคนญี่ปุ่นได้เร็วขึ้นกว่าการเรียนตัวอักษรญี่ปุ่น เราเรียกการเขียนแบบนี้ว่า แบบโรมันจิ (ROMANJI) ดังนั้นในช่วงแรกนี้จะเขียนเสียงอ่านตัวอักษรเป็น romanji และภาษาไทยไว้ด้วย หลังจากการแนะนำตัวอักษรทั้งหมดแล้ว จะไม่มีการเขียนคำอ่านเป็นภาษาไทยแต่จะคงคำอ่านแบบ romanji ไว้ช่วงหนึ่ง ต่อจากนั้นจะไม่มีคำอ่านกำกับไว้ให้ ดังนั้นจึงต้องพยายามจำตัว HIRAGANA ให้ได้เร็วที่สุดนะคะ
การเขียนก็ตามเสียงของตัวอักษรแต่สะตัวเลย (ตามตารางอักษรน่ะค่ะ) ...
ตัวอักษรญี่ปุ่นค่อนข้างจะจำและเขียนยาก ดังนั้นจึงมีการนำภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาที่คนทั่วโลกถือว่าเป็นภาษาสากล มาเขียนเทียบเสียงกับภาษาญี่ปุ่น เพื่อที่จะได้พูดจากับคนญี่ปุ่นได้เร็วขึ้นกว่าการเรียนตัวอักษรญี่ปุ่น เราเรียกการเขียนแบบนี้ว่า แบบโรมันจิ (ROMANJI) ดังนั้นในช่วงแรกนี้จะเขียนเสียงอ่านตัวอักษรเป็น romanji และภาษาไทยไว้ด้วย หลังจากการแนะนำตัวอักษรทั้งหมดแล้ว จะไม่มีการเขียนคำอ่านเป็นภาษาไทยแต่จะคงคำอ่านแบบ romanji ไว้ช่วงหนึ่ง ต่อจากนั้นจะไม่มีคำอ่านกำกับไว้ให้ ดังนั้นจึงต้องพยายามจำตัว HIRAGANA ให้ได้เร็วที่สุดนะคะ
การเขียนก็ตามเสียงของตัวอักษรแต่สะตัวเลย (ตามตารางอักษรน่ะค่ะ) ...
หากเป็นเสียงยาวก็อาจใส่ขีดข้างบน เช่น Dōmo (มาก ใช้กับขอบคุณ)
หรือใช้ตัวอักษรคู่ เช่น oishii (อร่อย)
หรือใช้ตัว u ช่วยลากเสียง o เช่น Arigatou (ขอบคุณ)
แต่อันนี้คิดว่า(คิดเอาเองนะ)ว่าไม่ตายตัว เพราะเห็นใช้ปนกันไปหมด = =
ส่วนถ้าเสียงควบ ... ตัวหน้าจะลดรูปสระไป เสียงหลังจะกลายเป็นรูปสะกดค่ะ
เช่น きゃ = ki+ya ลดรูปสระตัวแรกได้ K + ya = Kya
ひょ = hi + yo ลดรูปสระตัวแรกได้ h+yo = hyo เป็นต้นค่ะ
ส่วนการอ่าน ... ก็อ่านตามที่เห็นแหละ 55 (เขียนแบบนี้จะเขียนทำไม บล็อคน่ะ = =")
หลักๆตามนั้นค่ะ ... ส่วนการออกเสียงบางตัวที่น่าจะทราบคือ
K ถ้าอยู่ต้นคำออกเสียงเป็น ข/ค เช่น Kimochi = คิโมจิ (ความรู้สึก)
ถ้าอยู่ท้ายคำออกเสียงเป็น ก เช่น Tako = ทาโกะ (ปลาหมึกยักษ์) << tako นี่เป็นคำด่าในญี่ปุ่นได้ด้วยค่ะ .. ไม่รู้ว่าทำไม แต่คนญี่ปุ่นเค้าไม่ชอบ ="= ... ส่วนปลาหมึกกล้วยแบนๆเรียก ika = อิกะ ค่ะ
T ถ้าอยู่ต้นคำออกเสียงเป็น ถ/ท เช่น Taki = ทากิ (น้ำตก <<เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ... ไม่ใช่ของกินนะ = =")
ถ้าอยู่ท้ายคำออกเสียงเป็น ต เช่น Ashita = อะชิตะ (วันพรุ่งนี้)
G ถ้าอยู่ต้นคำออกเสียงเป็น ก เช่น Gakusei = กักเซ* (นักเรียน)
ถ้าอยู่ท้ายคำออกเสียงเป็น ง เช่น Mango = มังโงะ (มะม่วง) < ย้ำอีกทีค่ะ .. มะม่วงนี่ อย่าออกเสียง "โกะ" เด็ดขาด
* Gakusei อ่าน กักเซ ... ตัว ku หากอยู่กลางคำจะไม่ออกเสียง u ค่ะ ... เวลาออกเสียงเลยเหลือแต่ k (จริงๆก็คือการพูก กัก-คุ-เซ เร็วๆ เป็นกักเซ ค่ะ)
N (กรณีตัวสะกด ん) ออกเสียงได้ทั้ง ง/น/ม ขึ้นอยู่กับตัวอักษรถัดไป โดยปกติจะเป็น ง ค่ะ .. เช่น sumimasen = สึมิมาเซง (ขอโทษเวลาไม่ผิด ... entry หลังจะมาเขียนอธิบายค่ะ)
หากมีตัวตามหลัง เสียงของ n จะเป็นไปตามตัวอัษรที่ตามมาค่ะ เช่น Konnichi wa = คนนิจิวะ สวัสดีตอนบ่าย (เสียง น ตาม นิ)
Konban wa = คมบังวะ สวัสดีตอนค่ำ (เสียง ม ตาม บัง ... คือ ม เป็นเสียงหุบปากเหมือน บ ค่ะ ... ลองออกเสียงดู สังเกตว่าการออกเสียง n ด้วย ม นี้จะลื่นกว่า คนบังวะ หรือ คงบังวะ .. คือไม่ต้องเปลี่ยนปากเวลาออกเสียงค่ะ ..)
Kongetsu = คงเง็ทซึ เดือนนี้ (เสียง ง ตาม เง็ท ... g ท้ายพยางค์เสียง ง จำได้มั๊ยเอ่ย?)
หรือใช้ตัวอักษรคู่ เช่น oishii (อร่อย)
หรือใช้ตัว u ช่วยลากเสียง o เช่น Arigatou (ขอบคุณ)
แต่อันนี้คิดว่า(คิดเอาเองนะ)ว่าไม่ตายตัว เพราะเห็นใช้ปนกันไปหมด = =
ส่วนถ้าเสียงควบ ... ตัวหน้าจะลดรูปสระไป เสียงหลังจะกลายเป็นรูปสะกดค่ะ
เช่น きゃ = ki+ya ลดรูปสระตัวแรกได้ K + ya = Kya
ひょ = hi + yo ลดรูปสระตัวแรกได้ h+yo = hyo เป็นต้นค่ะ
ส่วนการอ่าน ... ก็อ่านตามที่เห็นแหละ 55 (เขียนแบบนี้จะเขียนทำไม บล็อคน่ะ = =")
หลักๆตามนั้นค่ะ ... ส่วนการออกเสียงบางตัวที่น่าจะทราบคือ
K ถ้าอยู่ต้นคำออกเสียงเป็น ข/ค เช่น Kimochi = คิโมจิ (ความรู้สึก)
ถ้าอยู่ท้ายคำออกเสียงเป็น ก เช่น Tako = ทาโกะ (ปลาหมึกยักษ์) << tako นี่เป็นคำด่าในญี่ปุ่นได้ด้วยค่ะ .. ไม่รู้ว่าทำไม แต่คนญี่ปุ่นเค้าไม่ชอบ ="= ... ส่วนปลาหมึกกล้วยแบนๆเรียก ika = อิกะ ค่ะ
T ถ้าอยู่ต้นคำออกเสียงเป็น ถ/ท เช่น Taki = ทากิ (น้ำตก <<เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ... ไม่ใช่ของกินนะ = =")
ถ้าอยู่ท้ายคำออกเสียงเป็น ต เช่น Ashita = อะชิตะ (วันพรุ่งนี้)
G ถ้าอยู่ต้นคำออกเสียงเป็น ก เช่น Gakusei = กักเซ* (นักเรียน)
ถ้าอยู่ท้ายคำออกเสียงเป็น ง เช่น Mango = มังโงะ (มะม่วง) < ย้ำอีกทีค่ะ .. มะม่วงนี่ อย่าออกเสียง "โกะ" เด็ดขาด
* Gakusei อ่าน กักเซ ... ตัว ku หากอยู่กลางคำจะไม่ออกเสียง u ค่ะ ... เวลาออกเสียงเลยเหลือแต่ k (จริงๆก็คือการพูก กัก-คุ-เซ เร็วๆ เป็นกักเซ ค่ะ)
N (กรณีตัวสะกด ん) ออกเสียงได้ทั้ง ง/น/ม ขึ้นอยู่กับตัวอักษรถัดไป โดยปกติจะเป็น ง ค่ะ .. เช่น sumimasen = สึมิมาเซง (ขอโทษเวลาไม่ผิด ... entry หลังจะมาเขียนอธิบายค่ะ)
หากมีตัวตามหลัง เสียงของ n จะเป็นไปตามตัวอัษรที่ตามมาค่ะ เช่น Konnichi wa = คนนิจิวะ สวัสดีตอนบ่าย (เสียง น ตาม นิ)
Konban wa = คมบังวะ สวัสดีตอนค่ำ (เสียง ม ตาม บัง ... คือ ม เป็นเสียงหุบปากเหมือน บ ค่ะ ... ลองออกเสียงดู สังเกตว่าการออกเสียง n ด้วย ม นี้จะลื่นกว่า คนบังวะ หรือ คงบังวะ .. คือไม่ต้องเปลี่ยนปากเวลาออกเสียงค่ะ ..)
Kongetsu = คงเง็ทซึ เดือนนี้ (เสียง ง ตาม เง็ท ... g ท้ายพยางค์เสียง ง จำได้มั๊ยเอ่ย?)